ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2021/22 คืนวันอังคารที่ 17 พฤษภาคม 2022 หงส์แดง 2-1 เซาแธมป์ตัน สนาม: เซนต์ แมร์รี
1. ความไว้วางใจในตัวลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์
แม้ว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ จะเดี้ยงมาจากเกมนัดชิงชนะเลิศกับ เชลซี ขณะที่ ฟาบินโญ ได้รับบาดเจ็บโดยยังต้องพักรักษาตัว แต่ คล็อปป์ ก็แสดงความมั่นใจในตัวลูกทีมทั้งหมดโดยการโรเตชันพักแข้งตัวหลักรายอื่นๆ และคงความสดของทีมด้วยการส่งเอาเหล่าดาวรุ่งไปจนถึงผู้เล่นที่ไม่ค่อยได้รับโอกาสให้ลงสนามนักออกสตาร์ท
แข้งอย่าง โจ โกเมซ, คอสตาส ซิมิคาส, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, เจมส์ มิลเนอร์, เคอร์ติส โจนส์ กระทั่ง ทาคูมิ มินามิโนะ ได้รับความไว้วางใจจากนายใหญ่ชาว เยอรมัน ลงสนามเป็นตัวจริง ก่อนจะตอบแทนบอสด้วยการคว้า 3 คะแนนสำเร็จ
2. น้า มิลเนอร์ คนเหล็ก
ให้หลังจากการปักหลักที่แดนกลางคอยคัดท้ายในบทบาทของ ฟาบินโญ ครึ่งแรกก่อนที่อาการบาดเจ็บของ โจ โกเมซ ต้องทำให้ เจมส์ มิลเนอร์ ในวัย 36 ปีถูกถอยต่ำลงไปเป็นแบ็คขวาในครึ่งหลัง
ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวยังคงทำสถิติเป็นนักเตะที่สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนได้สับไกยิง (คีย์พาส) มากที่สุดในสนามจำนวน 6 ครั้ง มากกว่าโอกาสยิงทั้งหมดของ เซาแธมป์ตัน ในเกมนี้ (4 ครั้ง)
รวมไปถึงสัมผัสบอลได้มากที่สุดในสนาม 120 ครั้ง และเข้าสกัดบอลสำเร็จมากที่สุดในสนาม 4 ครั้งเทียบเท่า โมฮัมเหม็ด ซาลิซู
3. สถิติที่เกรียงไกรในปี 2022
นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2022 เป็นต้นมา ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรหนึ่งเดียวใน พรีเมียร์ลีก ที่ทำสถิติไร้พ่ายบนลีกสูงสุดเมืองผู้ดีติดต่อกัน 18 นัดเข้าไปแล้ว (ชนะ 15 เสมอ 3) หลังชัยชนะเหนือ เซาแธมป์ตัน ในเกมนี้
4. ชี้ชะตาแชมป์ พรีเมียร์ลีก นัดที่ 38
ผลจากชัยชนะของ หงส์แดง 2-1 เซาแธมป์ตัน ในเกมนี้ทำให้พวกเขาบีบช่องว่างบนตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ไล่ตามหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหลือเพียง 1 คะแนนก่อนเกมนัดที่ 38
อันดับที่ 1 แมนฯ ซิตี้ (+72) 90 แต้ม
อันดับที่ 2 ลิเวอร์พูล (+66) 89 แต้ม
ทำให้ในทางทฤษฎี ทัพ เร้ดแมชีน ยังคงมีลุ้นเข้าป้ายซิวแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดีหากพวกเขาเป็นฝ่านซิวชัยเกมสุดท้าย (พบ วูล์ฟส์ เกมเหย้า) และลุ้นให้ เรือใบสีฟ้า ไม่ชนะ (แอสตัน วิลลา เกมเหย้า)