เยอร์แกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล คล็อปป์ รวบ 2 รางวัล ทั้ง รางวัลสมาคมผู้จัดการทีม (LMA) และ รางวัลกุนซือ ยอดเยี่ยมแห่งปีของพรีเมียร์ลีก หลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยการที่สามารถนำ ทีมลิเวอร์พูล มีลุ้น แชมป์ถึง 4 รายการ
หลังจากที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ และ คาราบาวคัพไปครอง ต่อด้วย พรีเมียร์ลีกที่ เยอร์แกน คล็อปป์ พาทีมลุ้นแชมป์ได้จนถึงนัดสุดท้าย อีกทั้งยังพ่วงด้วยรายการใหญ่อีกหนึ่งรายการให้ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นคว้าแชมเปี้ยนส์ลีกในสมัยที่ 7 อีกด้วย
เยอร์เกน คล็อปป์ สร้างผลงานที่โดดเด่นให้แก่ลิเวอร์พูล จนทำให้เจ้าตัว กวาด 2 รางวัลนี้ไปครอง โดยเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้มอบรางวัล ผู้จัดการยอดเยี่ยมแห่งปี รางวัลนี้ จากสมาคมผู้จัดการทีมด้วย
“ผลการแข่งขันพรีเมียร์ลีก มันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับเรา แต่เราผ่านมันมาแล้ว และเมื่อคุณได้รางวัลแบบนี้ ถ้าคุณไม่เป็นอัจฉริยะ หรือคุณมีสต๊าฟฟ์โค้ชที่ดีที่สุดในโลก – ผมอยู่ที่นี่พร้อมกับสต๊าฟฟ์โค้ชของผม และพวกเขารู้ว่าผมซาบซึ้งและยกย่องพวกเขามากแค่ไหน”
คล็อปป์ กล่าวเสริมว่า: “การโหวตโดยเพื่อนร่วมงานของผม เห็นได้ชัดว่ารางวัลที่สำคัญที่สุดที่คุณจะได้รับ”
“โดยทั่วไปแล้วผมไม่เชื่อรางวัลส่วนบุคคลในวงการฟุตบอล มันเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีมและผมจะไม่ได้รางวัลนี้ ถ้าไม่มีเด็กเหล่านี้อยู่ที่นั่น มันคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับสิ่งที่เราสามารถทำได้ร่วมกันและสิ่งที่เราทำร่วมกัน”
เมื่อคุณเป็นนายคน : เคล็ดลับการบริหารแบบ “ลูกผู้ชาย” ฉบับ เยอร์แกน คล็อปป์ | ALARM SPORT
การได้ก้าวขึ้นมาเป็นคนในตำแหน่งระดับ “ผู้บริหาร” นั้นคือโลกใบใหม่ที่คนเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการยากจะเข้าใจ เพราะระบบการทำงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยทำหน้าที่ตามที่ตัวเองรับมอบหมาย สั่งแบบไหน ทำแบบนั้น ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย “ผลงานดี ทุกอย่างจบ” นั่นคือเป้าหมายของพนักงานระดับปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตามเมื่อเลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้บริหารแล้ว สิ่งที่แตกต่างจะเริ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด เพราะคุณมีหน้าที่ทำให้ “ลูกน้อง” ผลิตผลงานที่ดีมีคุณภาพออกมาให้ได้ผ่านการบริหารของคุณ มีการลงรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับเรื่อง ทัศนคติ, จุดมุ่งหมาย, กฎระเบียบ หรือแม้แต่การบริหารความสัมพันธ์ในองค์กร ที่อย่างน้อยที่สุดคือ “ไม่ต้องรักกันก็ได้ แต่ขอให้งานส่วนรวมสามารถก้าวไปข้างหน้า”
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เขียนคิดขึ้นมาเอง แต่มันคือการถอดแบบจำลองของการเป็นเจ้านายของ “เยอร์เกน คล็อปป์” กุนซือของ ลิเวอร์พูล ที่เปลี่ยนโฉมให้หงส์แดงกลายร่างจากทีมจอมผิดหวัง กลายเป็นทีมนักสู้ที่ทุกคนรู้สึกว่าเมื่อพวกเขาลงสนาม เทพีแห่งชัยชนะมักจะเลือกอยู่ข้างพวกเขาเสมอ … ติดตามเคล็ดลับการบริหารคนของ “คล็อปป์” ชายผู้สร้างมาตรฐานแบบใหม่ในงานบริหารคนได้ที่นี่
เยอร์เกน คล็อปป์ หนทางหมื่นลี้เริ่มต้นที่ก้าวแรก
ก่อนจะเริ่มต้นถึงเรื่องราวการเป็นยอดนักบริหารคนของ เยอร์เกน คล็อปป์ เราคงต้องบอกกันก่อนว่าเขาเคยเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนัก คล็อปป์ เล่นในตำแหน่งกองหลังของทีม ไมนซ์ ในช่วงยุค 90s ซึ่งยุคนั้น ไมนซ์ ยังเป็นแค่ทีมเล็ก ๆ และไม่ค่อยปรากฏบนหน้าสื่อบ้านเรานัก โดยรวมแล้ว คล็อปป์ นั้นเป็นนักเตะประเภท “คัลท์ ฮีโร่” หรือขวัญใจแฟนบอลท้องถิ่น มากกว่านักฟุตบอลที่รู้จักกันในวงกว้าง
หลังจากแขวนสตั๊ดในปี 2001 คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนสายมาเป็นกุนซือทันที เขารับงานครั้งแรกกับทีมเก่าอย่าง ไมนซ์ แบบไม่ต้องพักหรือปรับตัวอะไร และหลังจากนั้นก็อย่างที่เรารู้ “ที่เหลือคือประวัติศาสตร์” คล็อปป์ พาไมนซ์เลื่อนชั้นด้วยการใช้เวลาแค่ 2 ปี จากนั้นก็สร้างชื่อกับการคุม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และมาลงเอยกับ ลิเวอร์พูล ในปัจจุบัน
หากถามว่าอะไรทำให้การเดินทางของอดีตนักเตะระดับลีกรอง ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานด้านโค้ชชิ่งกับโค้ชเก่ง ๆ เลย สามารถนำตัวเองขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของโลกได้ แม้จะไม่ใช่การพุ่งทะยานที่พรวดพราด แต่เส้นทางพัฒนาการของคล็อปป์ในสาขาการเป็น “เจ้านายคน” ก็เกิดขึ้นจากความสม่ำเสมอ ที่ต้องอาศัยการวางแผนระยะยาว และสิ่งสำคัญคือเขาตั้งใจทำมันตั้งแต่ขั้นตอนแรกสุดนั่นคือ “หาจุดอ่อนให้เจอและกำจัดมันเสีย”
คล็อปป์ เล่าถึงตอนที่เขาเข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล ใหม่ ๆ และพบว่ามีหลายสิ่งผิดแปลกไปจากที่เขาเคยเจอตอนเป็นเจ้านายที่ ไมนซ์ และ ดอร์ทมุนด์ สิ่งแรกที่เขาคัดกรองคนที่จะทำงานด้วย คือคน ๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่ต้องมีเป้าหมายเดียวกันทั้งหมด ทุกคนต้องมองเป้าหมายให้เหมือนกัน อาทิ “จบเกมนี้ต้องชนะ” ไม่มีข้อแม้ ไม่มีข้ออ้างว่าเหตุใดจึงทำไม่ได้ และการที่จะทำให้ลูกทีมของเขาเป็น “มิสเตอร์ วินเนอร์” เขาจะต้องเปลี่ยนทัศนคติของแต่ละคนเสียใหม่ นั่นคือ “เลิกแอ็คท่าว่าเหนือชั้น และเล่นให้เหมือนกันทุก ๆ เกม”
“องค์ประกอบทางจิตวิทยาของเราไม่มั่นคง และมันคือปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ทีมตกต่ำในรอบหลายปีหลัง เยอร์เกน คล็อปป์ “
ย้อนกลับไปตอนที่เขาเข้ามาทำงานในเดือนตุลาคมปี 2015 เขาพบว่านักเตะลิเวอร์พูล ณ เวลานั้นมีสภาพจิตใจที่ไม่คงที่ นั่นทำให้ถึงแม้เขาจะพยายามทำให้ทุกคนในทีมเห็นว่า “เป้าหมาย” คือการไปถึงชัยชนะด้วยกัน แต่ความจริงแล้วมันไม่อาจสัมฤทธิ์ผลได้ เนื่องจากคำว่า “ทัศนคติที่ขึ้น ๆ ลง ๆ” เมื่อเล่นกับทีมระดับหัวแถว ลิเวอร์พูลจะกลายเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมสู้ไม่ถอย แต่เมื่อเจอกับทีมระดับต่ำกว่า พวกเขากลายเป็นทีมที่ไม่สามารถเล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง
“ผมเข้ามาและจำได้ว่าทีมมีความมั่นใจทะยานเต็มที่มาก เราเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ ในเดือนธันวาคมและเราสามารถเอาชนะเกมนั้นได้ ทั้งสองทีมเล่นได้ดีแต่เราคือผู้ที่ได้รับชัยชนะอย่างสมควร และนั่นคือการเรียกคืนความมั่นใจที่ขาดหายไปของทีมนี้ไปถึง 50 ปี … เราคิดว่าจะมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นหลังจากนี้”
“แต่อีก 2 วันให้หลัง เราเล่นกับซันเดอร์แลนด์ด้วยรูปแบบที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง และจบด้วยการทำได้แค่เสมอ เกมนั้นพวกเขาตั้งรับลึกและได้ประตูจาก 2 จุดโทษ ขณะที่ลูกทีมของผมเริ่มออกอาการแบบว่า ‘โอ้ ! ไม่นะ หรือจริง ๆ แล้วเป็นพวกเรานี่แหละที่ไม่ดีพอ’ สิ่งที่ผมทำคือต้องจัดการกับสถานการณ์แบบนี้ให้ได้เพื่อความแข็งแกร่งที่ยั่งยืน” คล็อปป์ กล่าว
วิธีแก้ … คล็อปป์ ตอบคำถามนั้นด้วยคำตอบง่าย ๆ แต่ปฎิบัติตามยาก นั่นคือ “แน่วแน่กับสิ่งที่จะทำ” และใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้น แม้ระหว่างทางจะโดนโจมตี หรือเจออุปสรรคอะไร ก็จงแน่วแน่กับเส้นทางที่ตัดสินใจเลือกตั้งแต่ต้น … ห้ามลังเลเด็ดขาด
หากทุกคนยังจำกันได้ คล็อปป์ เป็นโค้ชที่โดนวิจารณ์หนักมาก ในช่วงการคุมทีม ลิเวอร์พูล ซีซั่นแรก เพราะทุกคนเห็นว่าเขาเป็นโค้ชมิติเดียว มีแต่สั่งนักเตะให้วิ่งไล่เข้าไปจนสุดทาง
และวางหมากให้เล่นเกมรุกอย่างรวดเร็ว โดยละเลยกับเกมรับ อันเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ทีมต้องเผชิญกับความผิดหวังในเกมส์ ที่สำคัญ ๆ สำหรับช่วงเวลาขณะนั้นก็ได้เกิดวลีที่ ลิเวอร์พูล มักจะโดนแฟนบอลล้อเลียนว่า “แชมป์วิ่งเยอะ” นั่นก็เกิดมาจากสถิติการวิ่งเฉลี่ยที่สูงในแต่ละเกมของนักเตะในทีมจากแทคติก “เกเกนเพรสซิ่ง” แต่ทว่าผลลัพธ์ที่ได้นั่นก็ตือ ในคือกลับเอาชนะไม่ได้ ในหลายๆเกมด้วยกัน อย่างไรเสียก็เหมือนกับที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นก่อนหน้านี้ ว่า สำหรับเขา มันคืองานระยะยาว ที่ลิเวอร์พูล และ สิ่งที่เขาบอกตัวเอง และ ลูกน้องในทีมว่าเขาจะไม่ยอมเปลี่ยนเป้าหมายที่มีเหมือนไม้หลักปักขี้เลน
และท่านสามารถ ติดตามข้อมูล ข่าวสาร ต่าง ๆ ทั่วมุมโลก ข่าวสด รวดเร็วกว่า อีกทั้ง ข่าวฟุตบอล ตารางการแข่งขัน
ผลบอล และการ วิเคราะห์บอล // ทีเด็ดบอล ไฮไลบอล แทงบอล แทงบอลออนไลน์ และยังมี บาคาร่า รูเล็ต UFABET